ข้อมูลบริการทดสอบปริมาณสาร Astaxanthin ด้วยเทคนิค HPLC

อุตสาหกรรมอาหารเสริมและเครื่องสำอางมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ  ซึ่ง แอสต้าแซนทิน กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง  การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับโรงงานผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์  เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค การทดสอบปริมาณสารแอสต้าแซนทินด้วยเทคนิค HPLC จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ท่านมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของท่านมีปริมาณแอสต้าแซนทินที่ตรงตามข้อกำหนด  และมีคุณภาพสูงสุดตามมาตรฐานสากล  เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน เราบริษัท วิสไบโอ (VISBIO) จำกัด มีบริการทดสอบปริมาณสาร Astaxanthin ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม, อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม หรือ อุตสาหกรรมยา

Astaxanthin คืออะไร?

แอสต้าแซนทิน (Astaxanthin) คือสารประกอบแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ชนิดหนึ่ง จัดเป็นสารสีแดง-ส้ม ที่พบได้ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน จุลินทรีย์ และสัตว์ทะเล โครงสร้างทางเคมีของแอสต้าแซนทิน มีลักษณะเป็นโมเลกุลยาว ประกอบด้วยวงแหวนและสายโซ่คาร์บอน มีคุณสมบัติในการละลายในไขมัน แต่ไม่ละลายในน้ำ แอสต้าแซนทินเป็นที่รู้จักในฐานะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า และวิตามินอีถึง 550 เท่า

แหล่งที่พบในธรรมชาติ

แอสต้าแซนทิน เป็นสารสีแดง-ส้ม ที่พบได้ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด โดยเฉพาะในสาหร่าย จุลินทรีย์ และสัตว์ทะเล โดยมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน Haematococcus pluvialis เป็นแหล่งผลิตแอสต้าแซนทินในเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ สาหร่ายชนิดนี้ สามารถสะสมแอสต้าแซนทินในปริมาณสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต เช่น แสงแดดจัด อุณหภูมิสูง หรือสารอาหารไม่เพียงพอ แอสต้าแซนทินจะทำหน้าที่ปกป้องเซลล์สาหร่ายจากความเครียด

ในสัตว์ทะเล แอสต้าแซนทิน พบมากใน ปลาแซลมอน กุ้ง ปู เครย์ฟิช และสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง โดยสีแดง-ส้ม ที่พบในสัตว์น้ำเหล่านี้ เกิดจากการสะสมแอสต้าแซนทินในเนื้อเยื่อ เช่น เนื้อปลาแซลมอน ไข่ปลาแซลมอน เปลือกกุ้ง เป็นต้น สัตว์น้ำเหล่านี้ ได้รับแอสต้าแซนทิน จากการกินสาหร่าย หรือแพลงก์ตอน ที่มีแอสต้าแซนทินเป็นองค์ประกอบ

นอกจากนี้ แอสต้าแซนทิน ยังพบได้ใน ยีสต์ Phaffia rhodozyma ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ ที่สามารถผลิตแอสต้าแซนทินได้ในปริมาณสูง และนิยมนำมาใช้เป็นแหล่งผลิตแอสต้าแซนทินในเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ปริมาณแอสต้าแซนทิน ที่พบในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิด สายพันธุ์ แหล่งที่อยู่อาศัย อาหาร และฤดูกาล

กลไกการทำงานของแอสต้าแซนทิน

แอสต้าแซนทิน ออกฤทธิ์โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย จากกระบวนการเผาผลาญ และจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด บุหรี่ อาหารทอด อนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ DNA และเนื้อเยื่อต่างๆ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ และภาวะแก่ก่อนวัย

แอสต้าแซนทิน มีโครงสร้างโมเลกุล ที่สามารถยับยั้ง และลดอันตรายจากอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โมเลกุลของอนุมูลอิสระ มีความเสถียร และไม่ทำลายเซลล์ นอกจากนี้ แอสต้าแซนทิน มีประสิทธิภาพ

  • ลดการอักเสบ โดยยับยั้งการสร้างสาร ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยเพิ่มจำนวน และประสิทธิภาพ ของเซลล์เม็ดเลือดขาว
  • ปกป้องเซลล์จากความเสียหาย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพ ของเอนไซม์ ที่ทำหน้าที่ ซ่อมแซม DNA

ประโยชน์ของสาร Astaxanthin ต่อสุขภาพ

แอสต้าแซนทิน มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้ โดยมีงานวิจัยสนับสนุนมากมาย ดังนี้

  • บำรุงผิวพรรณ แอสต้าแซนทิน ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นของผิว มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ช่วยลดริ้วรอย และจุดด่างดำ บนใบหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • บำรุงสายตา แอสต้าแซนทิน ช่วยป้องกันโรคตา เช่น ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม โดยช่วยลดความเสียหายของเซลล์ ที่เกิดจากแสงสีฟ้า และอนุมูลอิสระ มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ในจอประสาทตา และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แอสต้าแซนทิน ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยเพิ่มจำนวน และประสิทธิภาพ ของเซลล์เม็ดเลือดขาว มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน ช่วยลดความเสี่ยง ของการติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด แอสต้าแซนทิน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยง ของโรคหัวใจ มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ช่วยลดระดับ LDL cholesterol (ไขมันชนิดเลว) และเพิ่มระดับ HDL cholesterol (ไขมันชนิดดี)
  • ลดการอักเสบ แอสต้าแซนทิน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย เช่น ข้ออักเสบ (อ้างอิง 24) มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน ช่วยลดอาการปวด และการอักเสบ ในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
  • เพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย แอสต้าแซนทิน ช่วยลดความเมื่อยล้า และเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ มีงานวิจัยพบว่า การรับประทานแอสต้าแซนทิน ก่อนการออกกำลังกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความทนทาน ของกล้ามเนื้อ

บริการทดสอบปริมาณสารแอสต้าแซนทินด้วยเทคนิค HPLC

เทคนิค HPLC (High Performance Liquid Chromatography)  เป็นเทคนิคที่ใช้แยก  และวิเคราะห์สารประกอบต่างๆ  ในตัวอย่าง  โดยอาศัยหลักการ  ของโครมาโทกราฟี  ซึ่งเป็นเทคนิคการแยกสารโดยอาศัยความแตกต่าง  ของสมบัติ  ในการละลาย  และการดูดซับ  ของสารแต่ละชนิด เทคนิค HPLC  มีความแม่นยำสูง  สามารถตรวจวัดปริมาณแอสต้าแซนทิน  ได้อย่างแม่นยำ  และเชื่อถือได้

การใช้บริการทดสอบปริมาณสารแอสต้าแซนทินด้วยเทคนิค HPLC  ช่วยให้

  • ทราบปริมาณสาร แอสต้าแซนทิน ที่ผสมอยู่ในสารสกัด หรือผลิตภัณฑ์
  • ควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีปริมาณแอสต้าแซนทิน ตรงตามที่ระบุในฉลาก
  • พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์

Literature:

  • Sohan vir Singh, Yallappa M. Somagond และ Aditya D. Deshpande, 2021, Astaxanthin -King of antioxidants as immune modulator and anti-inflammatory for enhancing productive performance and health of animals, Indian Journal of Dairy Science เล่มที่ 74 ฉบับที่ 1.
  • Ambati, R. R., Moi, P. S., Ravi, S., & Aswathanarayana, R. G. (2014). Astaxanthin: sources, extraction, stability, biological activities and its commercial applications—a review. Marine drugs, 12(1), 128-152.
  • Tominaga, K., Hongo, N., Karato, M., & Yamashita, E. (2012). Cosmetic benefits of astaxanthin on human subjects. Acta Biochimica Polonica, 59(1), 43-47.