ข้อมูลบริการวิเคราะห์ทดสอบปริมาณเอนไซม์โปรติเอส Protease enzyme

อุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เอนไซม์โปรติเอสมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง  ไม่ว่าจะเป็นการช่วยย่อยโปรตีนในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม  การควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ หรือแม้กระทั่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  การทราบปริมาณเอนไซม์โปรติเอสในผลิตภัณฑ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เราบริษัท วิสไบโอ จำกัด มีบริการทดสอบการวิเคราะห์ปริมาณของเอนไซม์โปรติเอส Protease enzyme ด้วยวิธี Specific activity ของ p-nitrophenyl acetate substrate  คุณจะได้รับผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ ด้วยขั้นตอนการทดสอบที่ได้มาตรฐาน  และทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ

เอนไซม์โปรติเอส คืออะไร?

เอนไซม์โปรติเอส Protease enzyme คือเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น เปปไทด์ หรือกรดอะมิโน โดยการตัดพันธะเปปไทด์ที่เชื่อมต่อกรดอะมิโนในสายโปรตีน เอนไซม์ชนิดนี้พบได้ทั่วไปในสิ่งมีชีวิต เช่น ในร่างกายมนุษย์ สัตว์ พืช และจุลินทรีย์ โดยมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่างๆ เช่น การย่อยอาหาร การเจริญเติบโต และการป้องกันตัวเอง

Protease enzyme เป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาการไฮโดรไลซ์โปรตีน และโพลีเปปไทด์ให้เป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์สายสั้น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการหมัก สามารถใช้จุลินทรีย์เป็นต้นแบบหรือแหล่งผลิตโปรติเอสได้ โดยเฉพาะโปรติเอสที่มีคุณสมบัติเป็น Serine alkaline protease ซึ่งสามารถผลิตจาก แบคทีเรีย ยีสต์และรา โดยเอนไซม์กลุ่มนี้มีคุณสมบัติทำงานได้ดี ในช่วงความเป็นกรด-ด่างที่กว้างคือ 4-11 และเป็นโปรติเอสกลุ่มที่นำมาเป็นอาหารเสริมในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

การจำแนกประเภทโปรติเอสจากจุลินทรีย์

โปรติเอสจากจุลินทรีย์สามารถแบ่งประเภทได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและวิธีการทำงาน ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  1. โปรติเอสที่ย่อยโปรตีนเฉพาะชนิด เช่น คอลลาเจเนส (collagenase) ที่ย่อยคอลลาเจน อีลาสเทส (elastase) ที่ย่อยอีลาสติน และเคราทิเนส (keratinase) ที่ย่อยเคราทิน เอนไซม์เหล่านี้มักมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่ต้องการการย่อยโปรตีนจำเพาะ
  2. โปรติเอสที่มีลักษณะคล้ายเอนไซม์โปรตีโอไลติกที่มีการศึกษาอย่างแพร่หลาย เช่น เอนไซม์ชนิดไคโมทริปซิน (chymotrypsin) ทริปซิน (trypsin) และเปปซิน (pepsin) เอนไซม์เหล่านี้มีการทำงานคล้ายกับเอนไซม์ที่พบในสัตว์และมนุษย์ จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ
  3. โปรติเอสที่มีช่วง pH ทำงานเฉพาะ เช่น โปรติเอสที่ทำงานได้ดีในสภาวะเป็นกรด ด่าง หรือเป็นกลาง ทำให้สามารถเลือกใช้โปรติเอสในสภาวะที่เหมาะสมกับการทำงานในแต่ละอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. โปรติเอสที่มีโครงสร้างเฉพาะในกลไกการเกิดปฏิกิริยา โปรติเอสชนิดนี้แบ่งตามกรดอะมิโนที่อยู่ในบริเวณศูนย์กลางของเอนไซม์ เช่น แอสปาร์ติกโปรติเอส (aspartic protease), ซิสเทอีนโปรติเอส (cysteine protease), เมทัลโลโปรติเอส (metalloprotease) และเซอรีนโปรติเอส (serine protease) ซึ่งการแบ่งตามกลไกนี้ทำให้สามารถเลือกใช้โปรติเอสในการควบคุมกระบวนการย่อยโปรตีนที่แม่นยำยิ่งขึ้น
  5. โปรติเอสที่มีตำแหน่งการย่อยโปรตีนเฉพาะเจาะจง เช่น เอนโดเปปติเดส (endopeptidase) ที่ย่อยพันธะภายในของสายโปรตีนและเอ็กโซเปปติเดส (exopeptidase) ที่ย่อยที่ปลายสายโปรตีนเพื่อให้เกิดกรดอะมิโนอิสระ

การจัดประเภทเหล่านี้ทำให้ง่ายต่อการเลือกโปรติเอสให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงช่วยในการวิจัยเพื่อค้นพบโปรติเอสใหม่ ๆ ที่อาจมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพในอนาคต

การประยุกต์ใช้เอนไซม์โปรติเอสในอุตสาหกรรม

โปรติเอสจากจุลินทรีย์มีการประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากความสามารถในการย่อยโปรตีนและความยืดหยุ่นในการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่

  1. อุตสาหกรรมผงซักฟอก – โปรติเอสถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในผงซักฟอกเพื่อช่วยย่อยสลายคราบโปรตีน เช่น คราบอาหาร คราบเลือด และคราบเหงื่อ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดและลดการใช้สารเคมีที่รุนแรง นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานในการซักเนื่องจากสามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่ต่ำ
  2. อุตสาหกรรมอาหาร – โปรติเอสมีบทบาทสำคัญในการแปรรูปอาหารหลายประเภท เช่น การทำให้เนื้อนุ่มโดยการย่อยโปรตีนในเนื้อสัตว์ การผลิตน้ำซุปจากกระดูกที่มีรสชาติและกลิ่นดีขึ้น และการปรับปรุงรสชาติของซอสถั่วเหลืองหรือซอสปรุงรสอื่น ๆ
  3. อุตสาหกรรมเครื่องหนัง – ในการฟอกหนัง โปรติเอสสามารถนำมาใช้แทนสารเคมีที่รุนแรงในการทำความสะอาดและปรับสภาพหนัง ทำให้กระบวนการผลิตปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
  4. การบำบัดของเสีย – โปรติเอสจากจุลินทรีย์ถูกนำมาใช้ในการย่อยสลายโปรตีนในของเสียจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การบำบัดน้ำเสียจากโรงงานผลิตอาหาร ซึ่งช่วยลดสารอินทรีย์ในน้ำเสียและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  5. เทคโนโลยีชีวภาพ – โปรติเอสใช้ในกระบวนการผลิตยาหรือการวิเคราะห์โปรตีน โดยสามารถแยกสารชีวภาพที่สำคัญออกจากส่วนประกอบอื่นได้ เช่น การผลิตวัคซีนที่ใช้โปรติเอสในการสลายโปรตีนที่ไม่ต้องการออกจากวัคซีน

ทำไมผลิตภัณฑ์ควรวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์โปรติเอส?

การวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์โปรติเอสในผลิตภัณฑ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก

  • ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์: ปริมาณเอนไซม์โปรติเอสที่เหมาะสม ส่งผลต่อคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์ ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจสอบประสิทธิภาพของเอนไซม์: การวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์โปรติเอส ช่วยในการประเมินประสิทธิภาพของเอนไซม์ เช่น ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือผงซักฟอก เพื่อให้มั่นใจว่าเอนไซม์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ: ข้อมูลปริมาณเอนไซม์โปรติเอส เป็นประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การพัฒนาสูตรอาหาร หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เดิม
  • ความปลอดภัยของผู้บริโภค: ในบางกรณี ปริมาณเอนไซม์โปรติเอสที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ เช่น ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว การวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์ ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมปริมาณเอนไซม์ และความปลอดภัยของผู้บริโภค

บริการทดสอบปริมาณของเอนไซม์โปรติเอส Protease Enzyme

เอนไซม์โปรติเอสเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ไขประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอาหาร ยา หรือแม้กระทั่งเครื่องสำอาง การควบคุมปริมาณของเอนไซม์นี้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักวิจัย ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของเอนไซม์โปรติเอส คือ “ปริมาณ” การทราบปริมาณเอนไซม์ที่แม่นยำ ช่วยให้เราสามารถควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการ และพัฒนาสูตรหรือกระบวนการผลิตใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทดสอบนี้ใช้หลักการ เอนไซม์โปรติเอสสามารถย่อยสลายสารตั้งต้น p-nitrophenyl acetate แล้วให้สาร p-nitrophenol  ที่มีสีเหลือง  ซึ่งเราสามารถวัดปริมาณได้ด้วยเครื่อง Spectrophotometer  โดยขั้นตอนแรกคือการสร้างกราฟมาตรฐานจากเอนไซม์โปรติเอสที่ทราบความเข้มข้น  จากนั้นนำตัวอย่างที่ต้องการทดสอบมาทำปฏิกิริยาในลักษณะเดียวกัน  และวัดค่าการดูดกลืนแสงเพื่อเทียบกับกราฟมาตรฐาน  ก็จะทราบปริมาณเอนไซม์โปรติเอสในตัวอย่างนั้น

Literature:

  • Sumantha, A., Larroche, C., & Pandey, A., 2006, Microbial Proteases: Applications in Food Industry, Food Technology and Biotechnology.
  • รศ.ดร. ยุวพิน ด่านดุสิตาพันธ์, โครงการนำร่อง :  การผลิตเอนไซม์โปรติเอสจากราเส้นใยในอาหารเหลวระดับโรงงานต้นแบบ เพื่อเป็นอาหารเสริมในสัตว์ปีก เช่น ไก่, คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี ที่มา วันที่ 01/11/2024